<< บทความทั้งหมด
หล่มดักวิชาผิวหนัง
หล่มดัก (Pitfall) แปลหรือให้ภาพว่า ได้ตกลงไปแล้วเกิดเสียหาย ทั้งนี้มีคำถามถามว่า แล้วตกลงไปได้อย่างไรตั้งแต่ทีแรก
คำตอบที่ดูเป็นเหตุเป็นผลที่สุดคือ คาดการผิดที่คิดว่าปลอดภัยหรือดีนั้นที่จริงไม่ใช่ เป็นอันตราย เลยพลาดตกลงไป
ทำไมผมถึงให้หัวเรื่องไว้เช่นนั้น หล่มดักวิชาผิวหนัง ก็เพราะเหตุการณ์หรือสภาวะต่างๆที่ผมในฐานะแพทย์ผิวหนังอเมริกันบอร์ดทำงานมาเกือบ 25 ปี ทั้งในสหรัฐอเมริกาและไทย เห็นมาจนเข้าอกเข้าใจพอจะมาเล่าให้ฟังได้อ่านกันว่า หล่มดักมีมาก มีซ่อนอยู่อย่างไรบ้าง
1. ผิวหนัง เป็นเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่มองไม่ออก แน่ชัดว่าอะไรดีอะไรไม่ ดี เปรียบเหมือนสมอง สองอวัยวะนี้ ดูดีไม่แน่ว่าดี รู้สึกดีก็ไม่แน่ว่าดี ยกตัวอย่าง เช่น การเสพยากระตุ้นอาจจะทำให้สมองรู้สึกดี แต่เป็นโทษ ยานอนหลับทำให้หลับดีแต่เป็นโทษ ยาลดความอ้วนห้ามไม่ให้กินมากมีโทษทำให้ลิ้นหัวใจรั่ว ยาทำให้ขาวดูดี แต่ทำให้ผิวเสีย (กรุณาอ่านบทความเรื่อง สเตียรอยด์ทำให้หน้าขาวและบางในเว็บนี้) การกดสิว สิวออกแต่ในที่สุดเป็นแผลเป็น ฯลฯ
2. ผิวหนังดูบางๆลึกไม่เกิน 1 mm. สำหรับโพรงขนไม่เกิน 4 mm. แต่มีปัญหามากมาย เดี๋ยวดำ เดี๋ยวขาว เดี๋ยวแดง เดี๋ยวปูด เดี๋ยวนูน เดี๋ยวยุบ เดี๋ยวคัน เดี๋ยวชา แปลว่า ผิวมีองค์ประกอบที่ละเอียดและเสียสมดุลง่าย ทำให้พอคาดเดาว่า ผู้รู้เรื่องเกี่ยวกับผิวต้องรู้จริงๆ เหมือน นักกฎหมาย ต้องรู้ ทั้งเรื่องหลักกฎหมายทั้งแพ่งและอาญา สัญญาซื้อขาย กรรมสิทธิ์ในของและนิติกรรมทุกประเภท ดังนั้นนักกฎหมายที่เก่งจึงหาตัวจับยากเพราะนอกจากแยกประเด็นได้เด็ดขาดเพื่อเทียบเคียงกับหลักกฎหมายแล้วยังต้องเชื่อมโยงประเด็นก่อนหลังเพื่อทำให้คู่กรณีและศาลเห็นคล้อยตามจนชนะคดี แพทย์ผิวหนังก็เช่นกัน ที่เก่งจริงหาตัวยาก แต่ถ้ามีก็หาตัวจับยาก เพราะจะรอบรู้ครบกระบวนความทั้งหมดต้องเป็นศิษย์มีครูจริง นอกนั้นเป็นแค่ทนายเก็บค่าธรรมเนียมหรือค้าความขายคดีความเสียมากกว่า ลองอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วจะเข้าใจว่า ข้อเท็จจริงอันเดียวกัน หลักกฎหมายเดียวกันแต่คำพิพากษา ผิดๆถูกๆ ตั้งแต่คู่กรณีทนายทั้งสองฝ่ายกว่าจะจบได้ก็ถึงศาลฎีกา ก็เช่นเดียวกันกับผลงานของแพทย์ที่เราผ่านมานั่นเอง
3. เครื่องไม้เครื่องมือมาก หรูหราแต่เป็นเพียงตัวเบี่ยงประเด็นหรือ องค์ประกอบ เหมือนกรณีดูเหมือนมีพยานหลักฐานมาก วิ่งเต้นได้มาก แต่ไม่มีทนายดี เช่นนั้น เสียเงินทองมากมายก็แพ้คดี เหมือนอดีตนายกฯ อย่างไรเสียก็แพ้คดี เพราะมันผิดแต่แรก ดังนั้นแพทย์ผิวหนังระดับปรมาจารย์ไม่ได้มุ่งหวังจะชนะคดีเสมอไป บางครั้งเพียงแต่บรรเทา ปัญหาให้เบาบางลง แล้วเกิดความสงบอาจจะดีกว่า ยิ่งสู้ก็ยิ่งแพ้ ยิ่งแก้ก็ยิ่งพัง ประมาณเช่นนั้น
4. ชนะแบบก่อปัญหา มีการรักษามากมายทางผิวหนังที่มองประโยชน์ในระยะสั้น เช่น การใช้กรดลอกหน้า การใช้แสงอัลตร้าไวโอเล็ตรักษาสะเก็ดเงินหรือด่างขาว เป็นการเอาผลทางพยาธิ (Pathology effects) มารักษา จะสมดุลได้อย่างไร (อ้างอิงข้อ 2 ) การรักษาต้องแก้ สรีระ (Physiology effects) เพราะหากทำได้ก็จะได้สมดุลในตัว
5. ผลตอบแทนได้ง่าย อันนี้เป็นหล่มดักแพทย์มากกว่า เป็นหล่มดักคนไข้ เพราะเมื่อได้ผลตอบแทนง่ายก็มักง่าย ความมักง่ายทำให้หลงทาง ในที่สุดก็จะประสบภัยด้วยตนเอง อันนี้ต้องดูยาวๆแล้วจะเข้าใจพูดมากเดี๋ยวมีคนร้อนขึ้นมา เดี๋ยวเขาหาว่าแช่งหรือสมน้ำหน้า เจ้าตัวทำเองรู้เอง
ความจริงมีมากกว่านี้แต่มีหัวข้อเท่าจำนวนนิ้วนับจะดีกว่า ทำให้ผู้อ่านต้องไปตรองดูเพื่อสร้างเสริมปัญญากัน
<< บทความทั้งหมด