<< บทความทั้งหมด
ผิวหน้าติดสเตียรอยด์ จิตตก และตกงานได้
เรื่องนี้เป็นเรื่องเดิม เขียนมานานและรณรงค์มานานแล้วเช่นกัน แต่ก็มีคนไข้มาหาอยู่เนืองๆและมีประเด็นใหม่ๆให้ได้เรียนรู้ทำให้ต้องมาเขียนให้แฟนคลับอ่านกันอีก
ประเด็นเรื่องที่แพทย์ควรตระหนักเพิ่มเติมก็คือ การติดสเตียรอยด์สามารถทำให้ตกงานได้ เพราะ มีคนไข้รายหนึ่งได้ใช้สเตียรอยด์โดยไม่รู้ตัวมานาน กว่าจะรู้ตัวก็ติดไปมากแล้ว และเมื่อรู้ตัวว่าติดก็พยายามหาหมอที่จะช่วยให้หายจากการติดยาให้ได้ แสวงหาความช่วยเหลือไปทั่วไปหมดทุกที่แต่กลับแย่ลงเพราะ ไม่มีใครรู้ว่าการรักษาการติดสเตียรอยด์นั้น ทำกันเป็นขั้นตอนอย่างไร ที่สุดคนไข้รายนี้ที่เป็นแอร์โฮสเตสจึงต้องถูกออกจากงานและอยู่ในสภาพตกงานมาจนได้พบผม และให้สัญญากันว่าจะทำให้หายภายในสิ้นปี 2555 นี้และหวังว่าเขาจะได้งานใหม่ภายในปีหน้า เป็นสัญญาใจกัน
อีกประเด็นหนึ่งก็คือ กลุ่มคนไข้ที่ติดสเตียรอยด์มากว่า 20 ปี อายุเข้า 40 กว่า นั้น มักจะมีความเข้าใจว่า เขาหรือเธอต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต ไม่มีความคิดเลยว่าจะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ ความคิดนี้ถูกฝั่งหัวมานาน เป็นเพราะการที่ได้ไปพบแพทย์ผู้ใหญ่มาหลายต่อหลายท่าน ได้รับ คำวินิจฉัยต่างๆนาๆ และได้รับยาหรือครีมบำรุงมากมาย ที่ผู้ป่วยเชื่ออย่างเต็ม100 ว่า อาจารย์หมอเหล่านั้น ให้ด้วยจิตที่เป็นกุศลว่าต้องการช่วยผู้ป่วยจริงๆ โดยไม่เอะใจสักนิดว่า เป็นการจ่ายยาเพื่อเหตุผลอย่างอื่นมากกว่าการรักษา ที่ไม่มีใครแม้ตัวผมเอง กล้าที่จะกล่าวหาแบบนั้นหากทราบว่า อาจารย์ผู้ใหญ่ท่านใดเป็นผู้ให้สเตียรอยด์ได้นานนมขนาดนี้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ความคิดที่จะแสวงหาความช่วยเหลือ จึงถูกระงับหรือกดไว้ ค่อนข้างถาวรเพราะเชื่อว่าได้รับการดูแลที่ดีที่สุดแล้ว หากไม่เพราะ มีเพื่อนรักเตือนกันจริงๆ และผนวกกับความคิดที่อยากเป็นอิสระที่ฝั่งไว้ในจิตใต้สำนึกให้ลองมองหาคำตอบ เช่นการอ่านบทความใน internet และลองเดินทางมาพบผม คนไข้เช่นนี้ก็มีอยู่มาก เมื่อพบกัน คำตอบที่ว่าสามารถรักษาเขาหรือเธอให้หายได้ภายใน 3-6 เดือนจึงฟังดูเหลือเชื่อสำหรับคนเหล่านี้ ซึ่งดูเหมือน คนที่สูญเสียอิสรภาพทางความคิดไปแล้ว
ประเด็นสุดท้ายสำหรับบทความนี้ก็คือ เด็กผู้หญิงที่ติดสเตียรอยด์ เนื่องจากแสวงหาความสวยงาม เมื่อมีอาการติดสเตียรอยด์ แล้วจะหมกมุ่นกับความไวต่อการระคายเคืองของผิวหน้าตนเอง และอายที่จะมีใบหน้าที่แพ้ง่ายอยู่อย่างนั้น จิตจะตก ร้องไห้ และมีอาการซึมเศร้า อยู่ตลอดเวลา มีอาการหวาดกลัวว่า ตนมีปมด้อย อาการเหล่านี้จะรักษาไม่หาย ในบางราย ถึงกลับต้องไปพบจิตแพทย์ ที่ไม่สามารถจะช่วยเขาได้ เพราะ สภาวะจิตตก ซึมเศร้านี้มีสาเหตุจริงจากผิวหน้าที่ระคายเคืองง่าย แดงง่าย การแก้ปัญหาด้วยจิตแพทย์จึงไม่ได้ผล แม้เมื่อมาพบผม ก็ต้องแก้ไขเรื่องจิต ความหวาดระแวง และ อาการซึมเศร้าให้ควบคู่กันไปกับการรักษา ผู้ป่วยมักจะ ย้ำคิดย้ำทำ กลัวทุกอย่างแม้จะเป็นแนวทางที่สามารถรักษาเขาให้หายได้ แต่เพราะ โดนกระทำโดยแพทย์มาเกือบหมดทุกอย่างแล้ว การพูดคุยอธิบายด้วยเหตุผล ไม่ค่อยจะได้ผล เพราะ คนไข้มีจิตที่ผูกติดกับอารมณ์ ตลอดเวลา การ provoke ให้คิดให้ได้ให้ตื่นจึงได้ผลบ้างหรืออาจจะล้มเหลว กลายเป็นว่าผมเป็นคนดุเกินไป แต่หากทำให้คนไข้หลุดจากความวิตกกังวลแบบย้ำคิดย้ำทำได้ การใช้เหตุผลต่างๆก็จะตามมา นำไปสู่การรักษาที่สมบูรณ์และทำให้หายจากการติดสเตียรอยด์ได้ อย่างถาวร
มุมมองทั้งสามประเด็นนี้ ไม่ค่อยมีใครออกมาเขียนให้อ่านกัน สำหรับแพทย์ที่ให้สเตียรอยด์อยู่ อยากให้ตระหนักว่า ท่านกำลังทำร้ายผู้ป่วยมากมาย ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่คิดว่าไม่เป็นไร เป็นเพียงการหาเงินเลี้ยงชีพที่สุจริตใครๆก็ทำกันนั้น ไม่ใช่ แต่มันร้ายแรงถึงขั้น
1.คนไข้ของท่าน อาจจะตกงาน ถูกเลิกจ้าง
2.คนไข้อาจจะติดกับดักความคิดว่า เขาไม่มีทางหายจากโรคนี้ทำให้เป็นคนไม่มีอิสระทางความคิด ไม่สามารถพัฒนาศักยภาพได้เต็มที่เพื่อเป็น ทรัพยากรที่ดีของสังคม
3.คนไข้ที่ยังเยาว์วัย จะเกิดสภาวะจิตตก เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ซึมเศร้า และอ่อนแอ ซึ่งอาจจะมีผลต่อการเรียน ทำให้สูญเสียอนาคตได้
ทั้งหมดนี้ สำหรับผู้ป่วยเอง หรือ ญาติผู้ป่วยก็อย่าได้ วางใจว่า ที่คนไข้เหล่านี้ดู OK ภายนอก แต่ภายในใจเขาหรือเธอเหล่านั้น ไม่ได้มีความสุข เลย ส่วนสำหรับแพทย์ที่ตั้งใจจะรักษาคนไข้กลุ่มนี้ก็ต้องตระหนักถึงประเด็นเหล่านี้ว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับการแก้ไขควบคู่ไปด้วยในการรักษาการติดสเตียรอยด์จึงจะได้ผลสมบูรณ์ หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อย
<< บทความทั้งหมด