<< บทความทั้งหมด

คัน และศัพท์คำกริยาอื่นๆสำหรับโรคผิวหนังโดยเฉพาะสะเก็ดเงิน

     เวลาแพทย์ผิวหนังทำงานกับปัญหาผิวหนังอักเสบ สิ่งที่ต้องทำและผมขอให้ทำ นั้นไม่เพียงแต่การวินิจฉัยโรคและจัดยาให้ถ้าเพียงเท่านั้น ผมรับประกันได้ว่า คนไข้ของแพทย์เหล่านั้น destine ที่จะเป็นโรคเรื้อรังและ ติดสเตียรอยด์ในที่สุดสิ่งที่อยากให้ทำเพิ่มคือ ทำความเข้าใจกับคำศัพท์ที่จะยกตัวอย่างให้ดังตอไปนี้

     - คัน คำนี้น่าสนใจ เพราะเกือบทุกคนจะคัน ปัญหาคือ มันแปลว่าอะไร แล้ว จะจัดการกับมันอย่างไร เมื่อวันวานผมก็ถูกถามว่า ถ้าหมอไม่ให้ผมเกาแล้วจะให้ทำอย่างไร ถ้าผมคันคำตอบคือ ก็อย่าไปคิดว่ามันคัน เพราะ ถ้าคุณบอกว่า คันเสียแล้วก็ต้องเกา เพราะในสมองของเราถูกกำหนดโดยอัตโนมัติเสียแล้ว ว่าคันแล้วก็เกา และ ความเชื่อมโยงนี้ยิ่งแน่นแฟ้นไปใหญ่สำหรับผู้ที่เกามาเป็นปีๆ อย่างคุณ ไหนคุณลองให้ความหมายของคำว่าคันกับผมหน่อยโดยในคำนิยามไม่ต้องมีคำว่า เกา เช่น ห้ามตอบว่า คันคือความรู้สึกที่อยากเกา (อย่างนี้ก็เรียบร้อยกันพอดี) เช่น คันแปลว่าความรู้สึกอย่างหนึ่ง ที่ยากจะอธิบาย  อย่างนั้นคุณจะรู้ได้ไงว่าความรู้สึกอย่างนั้นมีจริงและ เฉพาะเจาะจงว่าคือ การคันถ้าเราไม่สามารถให้คำนิยามได้ชัดเจนจริงๆ ก็แปลว่าไม่มีอาการคันจริงๆ? ถ้าอย่างนั้นก็ แปลว่า ให้ลบคำนิยามของคำว่า คันออกจากหัวเลยเหรอครับหมอ คนไข้ท่านนี้ฉลาดมากทำให้ผมยิ้มและ ชอบใจ ที่จะนำมาเขียนบทความนี้ (ผมพยายาม หาทรัพยากรใหม่ๆมาเขียนบทความเสมอ นี่ก็เป็นตัวอย่างที่นานๆจะได้พบ) ครับ ลบคำว่าคันออกเลย หากคุณรู้สึกอย่างว่าก็ลองถามตัวเอง ว่า ตี ได้ไหม เอาน้ำเย็นประคบได้ไหม แต่อย่าเผลอไปทาสเตียรอยด์ เพราะนั่นเป็นวิธีที่คุณเคยทำมา เอาวิธีใหม่ที่คุณพึ่งตัวเองได้ จะดีกว่าแต่ไม่ใช่การเกาและการทาสเตียรอยด์
     - เกา คำนี้แปลว่า อะไร เพราะทุกคนที่เป็นสะเก็ดเงินและผิวหนังอักเสบจะเกา เหตุที่เกาเพราะ มันต้องเกาเพราะมันคัน ทั้งๆที่เกาแล้ว รู้ว่าไม่ดี ไม่ได้ทำให้ผิวมีความรู้สึกปกติขึ้น บางครั้งมีเลือดออก หรือมีแผลตามมา แต่มันก็ห้ามไม่ได้ ซึ่งก็ไม่เห็นมีใครหรือตำราที่ไหนจะกำหนดว่าต้องเกา แปลกดี เหมือนคนติดยาเสพติด ผมจะให้คำนิยามใหม่ว่า การเกาคือ Hard Friction ( การเสียดสีด้วยของแข็ง)  ซึ่งตรงข้ามกับ Soft Friction (การเสียดสีด้วยของนุ่ม) แต่ทั้งสองเรื่องเป็นการเสียดสีทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ผิวเสียสมดุลย์ เหมือนผิวที่ถูกการเสียดสีโดยทั่วไป จะมีผิวหนา กระด้าง ดำ แห้งแตกและเป็นขุย เหนียวบ้างไม่เหนียวบ้าง ดังนั้น การเกาคือ การทำลายผิวหนังแม้แต่ผิวดีๆ ส่วนผิวที่เป็นโรค ไม่ต้องกังขาเลยว่ามันจะทำให้ผิวคุณพังลงไปมากกว่าเดิมเท่าใด
     - การถู  การขัดถูไม่ว่าจะเป็นการถูบนผิวหนังปกติ หรือไม่ก็ย่อมเกิดปัญหา การถูผิวย้อนแนวโพรงขนจะทำให้เกิดสิว หาก ถูผิวที่คันเพราะอยากเลี่ยงไม่เกา แต่ก็อย่าลืม ว่าการถูเป็น soft friction ย่อมทำให้เกิดการหนา แม้จะไม่เลวร้ายเท่ากับ การเกา คนไข้หลายๆท่านที่เป็นสะเก็ดเงินรักษาหายช้ากวาเพื่อนๆ ก็เพราะการถูนี้เอง ที่แย่ที่สุด หากถามว่าเกาหรือเปล่า ก็บอกว่าไม่ได้เกา แต่ไม่บอกว่าถู ซึ่งหากแพทย์ดูรอยที่เกิดจากการถูไม่เป็นก็หลงประเด็นไปนาน ไม่รู้ว่าทำไมคนไข้คนนี้ถึงหายช้ากว่าคนอื่น
     - การแกะ เป็นการงัดแงะด้วยเล็บ มักจะแกะรอยเฉพาะที่ เช่น แกะสิว แกะ สะเก็ดแผล อาจจะเพราะรำคาญที่สัมผัสแล้วมีปุ่มปม เพื่อให้หลุดออกมาแล้วก็รู้สึกสะใจ แต่สำหรับผิวแล้วมีแต่เพิ่มความเสียหายให้มากขึ้น หากแกะสิวก็จะเป็นแผลเป็น หากแกะสะเก็ดแผลก็จะเป็นแผลลึกและกว้างกว่าเดิม รอยที่แกะอะไรออกมาได้ มักจะแปลว่าอะไรที่ออกมามันพร้อมหลุดเองได้อยู่แล้ว หากมักง่ายก็จะได้แต่ผลเสียครับ

     ยังมีศัพท์อื่นๆอีก ที่สำคัญ หากท่านเข้าใจเรื่องเหล่านี้ก็จะมีประโยชน์มากกับการดูแลตัวเอง ผิวหนังที่อักเสบและมีปัญหาต่างๆนั้น มักจะเกิดเพราะ มีความอ่อนแอ หากเราอยากให้ผิวเข็มแข็งขึ้น ก็ต้องหยุดเรื่องเหล่านี้แต่แรก และ ไม่ควรใช้สเตียรอยด์ เพราะ จะยิ่งทำให้อ่อนแอลงไปอีก เปรียบเสมือน หากเราโกธร แสดงว่า เราอ่อนแอ แล้ว ยิ่งตอบสนองความโกธรด้วย การโมโห นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้ว ยังเป็นการทำให้จิตใจยิ่งอ่อนแอลงไป อีก การให้อภัยและตามรู้จิต ตามจริง แล้วจะเห็นว่าอาการโกธรจะหายได้เอง ทั้งนี้เพราะจิตใจเข็มแข็งขึ้น ดุจเดียวกัน การรักษาปัญหาผิวหนังที่มีการอักเสบทั้งหลาย ต้องรู้ที่มาที่ไป และลดการแสดงอารมณ์ด้วย กริยา ที่กล่าวมาทั้งหมด ห้าม แกะ เกา ถู หรือแม้แต่รู้สึกคันให้ได้ครับ แม้แต่โรคสะเก็ดเงินที่ว่ายากก็หายขาดได้ครับ  จิตแข็งหายอ่อนแอ ผิวก็จะไม่อ่อนแอ และแข็งแรงตาม นะครับ

 

 

<< บทความทั้งหมด

Tweets by NetanartC

Tweets by Somnukamornsir2

Netanart Clinic