Call Center 086 883 0777
Email: contact@netanart.com

 

<< บทความทั้งหมด

เลิกฉีด สเตียรอยด์เพื่อรักษาผมร่วงเป็นหย่อมเสียทีเถอะครับ

                      ( ภาพที่ 1 )

 ที่นำมาให้ดูนี้เป็นภาพของคนไข้คนหนึ่งในหลายๆคนที่ได้รับการรักษา ผมร่วงเป็นหย่อมด้วยการฉีดสเตียรอยด์มาก่อน ฉีดทุก 2 สัปดาห์ มานานหลายเดือน เมื่อมาหาผม การรักษาเพื่อให้ผมขึ้นมาใหม่จะทำได้ยากมาก เพราะ เนื้อของหนังศีรษะได้บุ๋มลงไป (สังเกตได้ว่าน้ำสามารถขังตัวในแอ่งที่บุ๋ม)  หากเอานิ้วคลำดูจะเห็นว่าลึกจนถึงกระโหลกเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่เส้นผมจะขึ้นมาใหม่ จึงต้องรอการฟื้นตัวของหนังศีรษะทั้งชั้นก่อน เส้นผมก็เหมือนต้นไม้ต้องมีดินให้งอก หากหนังศีรษะบุ๋มลงไป ก็สเมือนไม่มีดินในกระถางหรือมีน้อยกว่าที่ควร แล้วรากผมจะหยั่งตัวได้อย่างไร ซึ่งขณะนี้ ( ภาพที่ถ่ายวันนี้) ก็รอมา 4 เดือนแล้วครับ คาดว่าจะต้องรออีกประมาณ 2 เดือน เพราะต้องใช้เวลาเท่ากับเวลากระดูกหักแล้วต้องสร้างเนื้อกระดูกใหม่เลยครับ


                                     

                      (ภาพที่2)

อีกคนที่มาเมื่อต้นสัปดาห์นี้ก็ฉีดมา ทุกสัปดาห์แต่แค่ 4 เข็มก็เริ่มบุ๋มแล้วคนไข้เอะใจเลยเลิกรักษาแล้วมาพบผมที่คลินิก

 

                  (ภาพที่ 3)

ส่วนภาพเด็กคนนี้มาหาแต่แรกเลย ยังไม่ได้ไปฉีดที่ไหนมา การรักษาจะหายช้า เร็วจะเป็นที่ตัวโรคโดยตรง ไม่ต้องไปกังวลกับผลของการฉีดสเตียรอยด์
 
      ขอเน้นสำหรับท่านที่เรียนหรือสอนกันมาว่า การฉีดสเตียรอยด์เพื่อรักษาโรคนี้เป้นการรักษาที่ถูกต้องว่า คนไข้ที่ได้ผลจากการฉีดสเตียรอยด์ ความจริงนั้นหายเอง หากท่านฉีดก็ฉีดเพียง 1-2 เข็ม เท่านั้นจะไม่เกิดผลข้างเคียงยาวนาน ดังนั้นหยุดฉีดเถอะครับ ผมไม่อยากเขียนบทความเรื่องนี้เลยเพราะเป็นการก้าวก่าย วิจารณญาณ การรักษาของแพทย์ท่านอื่นๆที่มีเกียรติและศักด์ศรีไม่หย่อนกว่าใคร  แต่เพราะทนไม่ไหวที่เห็นคนไข้เหล่านี้ต้องเสียเวลากับการมาแก้ไขปัญหาที่หลังและเห็นมานานกว่า 20 ปีแล้ว ถ้าครูบาอาจารย์ที่ยังยืนยันจะสอนวิธีรักษาแบบฉีดสเตียรยอด์ต่อไปผมแนะนำให้ทำวิจัยเพื่อสนับสนุนการรักษาแบบฉีดดังนี้
      1. ศึกษาว่ารอยที่ฉีดนั้นส่วนใหญ่หาย (ได้เอง ) ภายใน 2 เดือนเท่านั้นใช่หรือไม่ ส่วนรอยที่เรื้อรังนานกว่า 2 เดือนไม่สามารถรักษาให้หายด้วยการฉีดสเตียรอยด์เลย พวกที่รักษาแบบหลอกด้วยการฉีดน้ำเกลือ ก็มีหายได้เองใน 2 เดือนเช่นกัน และ เปอร์เซนต์สำเร็จและล้มเหลว ใน 2 กลุ่มนี้ไม่ต่างกัน
      2. กำหนดจำนวนครั้งในการฉีด และระยะห่างของการฉีดและจำนวนยาที่ฉีด เพื่อศึกษาผลข้างเคียง
      3. มีข้อมูลชัดเจนว่า หากฉีดกี่ครั้งแล้วจะเกิดผลข้างเคียงคือ เกิดรอยบุ๋มขึ้น
      4. เมื่อเกิดรอยบุ๋มแล้ว จะทำให้การรักษารอยที่บุ๋ม ยากกว่าเดิมหรือไม่
      5. ส่วนจะรักษาด้วยวิธีใดอื่นๆ สุดแล้วแต่ท่านจะสอนกันเถอะ เพราะประเด็นคือ ขอให้พิจารณาเรื่องการฉีดสเตียรอยด์กันเสียใหม่เท่านั้น


สำหรับผมเองได้เก็บข้อมูลดังนี้
      1. ผลดีของการฉีดสเตียรอยด์มีเฉพาะใน เข็มแรกหรือ 2 เข็มเท่านั้นสำหรับรอยที่ง่ายๆ และไม่เกิดผลข้างเคียง สำหรับรอยที่ลุกลามการฉีดไม่ได้ช่วยอะไรเลย มีแต่เพิ่มปัญหาในภายหลัง
      2. ไม่ควรฉีดเกิน 2 ครั้งห่างกัน ครั้งละ 1 เดือน เพราะตัวยาสเตียรอยด์อยู่ได้ที่จุดเดิมประมาณ 4 สัปดาห์ ไม่ควรฉีดในตำแหน่งเดิมเร็วกว่านี้ หากฉีดห่างกันแค่ 1 สัปดาห์ จะเกิดรอยบุ๋ม หลังสัปดาห์ที่ 3 ในทุกราย (จากการเก็บข้อมูลที่ได้จากคนไข้ทที่ไปฉีดในที่ต่างๆกันมา)
      3. เมื่อเกิดรอยบุ๋มแล้ว  แม้เปลี่ยนการรักษา รอยบุ๋มจะเป็นตำแหน่งสุดท้ายที่หายจากการรักษา เหมือนภาพที่ 1 ซึ่งขณะนี้ไม่มีการลุกลามของโรคใดๆ นอกจากรอให้รอยบุ๋มนี้หายแล้วมีเส้นผมกลับคืนมา


เชื่อผมเถอะครับ ผมรักษามามากแล้ว ลองหาบทความอื่นๆที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้อ่านดูได้ในเวบบ์

<< บทความทั้งหมด

ดุลแห่งชีวิตเพื่อผิวพรรณและเส้นผม
ผม มงกุฎแห่งความสง่างาม
คุยกับ นพ สมนึก อมรสิริพาณิชย์ เรื่อง ฝีใต้รักแร้
คุยกับ นพ.สมนึก อมรสิริพาณิชย์ เรื่อง เหงื่อชุมมือ และ รักแร้
คุยกับ นพ.สมนึก อมรสิริพาณิชย์ เรื่อง ทำไมสิวถึงเกิดซ้ำที่เดิม
คุยกับ นพ.สมนึก อมรสิริพาณิชย์ เรื่อง หูดบนหนังศรีษะ
3 คุยกับ นพ.สมนึก อมรสิริพาณิชย์ เรื่องเล็บพังรักษาได้
คุยกับ นพ.สมนึก อมรสิริพาณิชย์ เรื่องฉีดวันซีน Covid-19 ให้ปลอดภัย
  บริการ
ผลิตภัณฑ์
ตารางแพทย์
ความรู้/บทความทางการแพทย
ติดต่อนีตนาท
© 2019 Netanart Clinic